ทั้งท่วม

ทั้งแล้ง

Sky, Water
Slope, Rectangle
Triangle
ชะตากรรมคนอีสานภายใต้ยุคโลกเดือด

วิธีการจัดการน้ำ

ในภาคอีสาน

ก่อนที่เราจะไปเข้าใจถึงปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำแล้งที่เกิดขึ้นในภาคอีสาน จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจถึงบริบทของแม่น้ำในภาคอีสานและวิธีการที่รัฐบาลใช้ในการจัดการปัญหาเรื่องทรัพยากรน้ำในภาคอีสานนี้ โดยเราสามารถมองเห็นวิธีการที่รัฐบาลมองเห็นปัญหาและใช้จัดการปัญหาของทรัพยากรน้ำในภูมิภาคอีสานผ่านตัวเอกสารที่ใช้ชื่อว่า “โครงการจัดทำแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำกลุ่มลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ?” ที่เป็นความพยายามของรัฐผ่านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำในภูมิภาคอีสาน และจากเอกสารจะทำให้เห็นได้ว่า

การจัดการน้ำในอีสานนั้นได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ

Orange, Red
Tree
Font

ลุ่มน้ำทั้ง 3

ในภูมิภาคอีสาน

ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของไทย มีพื้นที่รวมประมาณ 104 ล้านไร่ และมี 3 ลุ่มน้ำสำคัญ คือ ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล และลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยพื้นที่ภายในลุ่มน้ำทั้ง 3 นี้มักประสบกับสภาพปัญหาทั้งภัยแล้งน้ำท่วม ปัญหาโครงสร้างการจัดการน้ำ และปัญหาคุณภาพน้ำ และมีความพยายามในการแก้โจทย์เหล่านี้มากว่า 30 ปี นับตั้งแต่โครงการอีสานเขียว หรือ โครงการ โขง ชี มูล ที่ริเริ่มโครงการขึ้นเมื่อปี 2530 เพื่อพยายามจัดการน้ำแล้งในภาคอีสาน

1. ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ 47,161.97 ตารางกิโลเมตร
2. ลุ่มน้ำชี มีพื้นที่ 49,273.86 ตารางกิโลเมตร
3. ลุ่มน้ำมูล มีพื้นที่ 71,060 ตารางกิโลเมตร

Orange, Red

ลุ่มน้ำชี

แม่น้ำชี มีต้นกำเนิดมาจากยอดเขาในแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขตอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งมีความยาวประมาณ 830 กิโลเมตร ไหลผ่านจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร และไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำมูลที่จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ลุ่มน้ำ 49,273.86 ตารางกิโลเมตร มีลุ่มน้ำสาขา 27 ลุ่มน้ำ ซึ่งมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำกว่า 1,425 โครงการ

ที่มา : กองวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำ กรมทรัพยากรน้ำ ปี 2564

Tree

ลุ่มน้ำมูล

แม่น้ำมูล มีความยาวประมาณ ๖๔๐ กิโลเมตร มีต้นกำเนิดจากทิวเขาสันกำแพงบริเวณเขื่อนมูลบน อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 71,060 ตารางกิโลเมตร ไหลผ่าน 5 จังหวัดในภาคอีสานได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีลุ่มน้ำสาขา 53 ลุ่มน้ำ ซึ่งมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำกว่า 2,632 โครงการ

ที่มา : กองวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำ กรมทรัพยากรน้ำ ปี 2564

Font

ลุ่มน้ำโขงตะวัน

ออกเฉียงเหนือ

แม่น้ำโขง จัดเป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีต้นกำเนิดมาจากที่ราบสูงธิเบต ไหลผ่านตอนใต้จีน ผ่านตะวันออกของสหภาพพม่า ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ผ่านประเทศลาว และ กัมพูชา ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ในภาคใต้ของเวียดนาม มีความยาวทั้งสิ้น 4,173 กิโลเมตรลุ่มน้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย มีพื้นที่ลุ่มน้ำ 47,161.97 ตารางกิโลเมตร ไหลผ่าน 7 จังหวัดในภาคอีสาน ได้แก่ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี มีลุ่มน้ำสาขา 36 ลุ่มน้ำ ซึ่งมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำกว่า 1,824 โครงการ

ที่มา : กองวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำ กรมทรัพยากรน้ำ ปี 2564

Brown

บริบทของปัญหา
แม่น้ำในภาคอีสาน

และจากรายงานของ “โครงการจัดทำแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำกลุ่มลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ?” ทำให้ได้พบว่าปัญหาเรื่องภัยแล้งและน้ำท่วมของในภาคอีสานนั้นเป็นปัญหาใหญ่ของภูมิภาคอีสาน เพราะจากการศึกษาของโครงการทำให้เราได้เห็นว่า ในพื้นที่กว่า 14 พื้นที่ ที่ได้ถูกจัดแบ่งออกมาเพื่อวิเคราะห์ปัญหาทำให้เราได้เห็นว่า จาก 13 ใน 14 ที่นั้นเป็นพื้นที่ที่ๆ เสี่ยงต่อทั้งภัยแล้งและภัยจากน้ำท่วม ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น “พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและภัยแล้ง” และมีขนาดรวมกันประมาณ 11.8 ล้านไร่

พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและภัยแล้ง
ขนาดทั้งหมดประมาณ 11.75 ล้านไร่
พื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง
อยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเลยตอนล่าง ขนาดประมาณ 62,500 ไร่
Material property, Colorfulness, Rectangle, Purple, Violet, Font

สาเหตุของน้ำท่วมในภาคอีสานในช่วง 5 ปีล่าสุด

สาเหตุของน้ำท่วมในภาคอีสานนั้นมาจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเมืองอย่างการกระจุกตัวของอำนาจการตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาของท้องถิ่น หรือในเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างลักษณธทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาคอีสานที่มีความเป็นแอ่งกระทะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมได้ง่าย หรือแม้กระทั่งโครงการพัฒนาอย่างเขื่อนที่เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำในภูมิภาคอีสานแต่หลายคนก็มองว่าได้กลายเป็นสาเหตุของปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมเสียเอง

แต่สำหรับสาเหตุใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในสาเหตุหลักๆ ที่มักจะถูกหยิบยกมาอธิบายคือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือโลกร้อน โดยจะเห็นได้จากพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยและสัมพันธุ์กับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในภาคอีสาน ระหว่างปี 2561-2565

  • พายุโซนร้อน "เบบินคา" (BEBINCA)
    เมื่อวันที่ 17 ส.ค 2561
  • พายุดีเปรสชัน 3 (TD 3)
    เมื่อวันที่ 20 ต.ค.  2561

พายุ 2 ลูกเข้าประเทศไทย

พ.ศ. 2561

  • พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) 2 ม.ค. 2562
  • พายุโซนร้อน “วิภา” (WIPHA) 3 ส.ค. 2562
  • พายุโซนร้อน “โพดุล” (PODUL) 30 ส.ค. 2562

พายุ 3 ลูกเข้าประเทศไทย

พ.ศ. 2562

  • พายุโซนร้อนซินลากู (Sinlaku) 2 ส.ค. 2563
  • พายุโซนร้อนโนอึล (Noul) 18 ก.ย. 2563
  • ไต้ฝุ่นโมลาเบ (Molave) 28 ต.ค. 2563

พายุ 3 ลูกเข้าประเทศไทย

พ.ศ. 2563

  • พายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” (DIANMU) 24 ก.ย. 2564
  • พายุโซนร้อน “ญะวาด” (JAWAD) 30 พ.ย. 2564

พ.ศ. 2564

พายุ 2 ลูกเข้าประเทศไทย

พายุ 1 ลูกเข้าประเทศไทย

  • พายุไต้ฝุ่น “โนรู” (NORU) 28 ก.ย. 2565

พ.ศ. 2565

พายุ 1 ลูกเข้าประเทศไทย

  • พายุไต้ฝุ่น “โนรู” (NORU) 28 ก.ย. 2565

พ.ศ. 2565

Creative arts
Colorfulness
  • พายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” (DIANMU) 24 ก.ย. 2564
  • พายุโซนร้อน “ญะวาด” (JAWAD) 30 พ.ย. 2564

พ.ศ. 2564

พายุ 2 ลูกเข้าประเทศไทย

Rectangle
Orange
  • พายุโซนร้อนซินลากู (Sinlaku) 2 ส.ค. 2563
  • พายุโซนร้อนโนอึล (Noul) 18 ก.ย. 2563
  • ไต้ฝุ่นโมลาเบ (Molave) 28 ต.ค. 2563

พายุ 3 ลูกเข้าประเทศไทย

พ.ศ. 2563

Sky
Orange, Font
Gesture, Balloon
  • พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) 2 ม.ค. 2562
  • พายุโซนร้อน “วิภา” (WIPHA) 3 ส.ค. 2562
  • พายุโซนร้อน “โพดุล” (PODUL) 30 ส.ค. 2562

พายุ 3 ลูกเข้าประเทศไทย

พ.ศ. 2562

Material property, Font
  • พายุโซนร้อน "เบบินคา" (BEBINCA)
    เมื่อวันที่ 17 ส.ค 2561
  • พายุดีเปรสชัน 3 (TD 3)
    เมื่อวันที่ 20 ต.ค.  2561

พายุ 2 ลูกเข้าประเทศไทย

พ.ศ. 2561

น้ำล้นเขื่อน

จากข้อมูลปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำนั้นเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนและเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดไปเรื่อยๆ จนเริ่มลดลงเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งสอดคล้องกับคำสั่งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่มีการอนุญาติให้เพิ่มการละบายน้ำจากปกติ 35 ล้านลูกบาตรเมตรเป็น 54 ล้านลูกบาตรเมตร ต่อวัน ซึ่งทางภาครัฐได้อธิบายถึงความจำเป็นในการเพิ่มปริมาณการระบายน้ำด้วยเหตุผลว่า น้ำในเขื่อนนี้ได้มีปริมาณเกินจำนวนการกักเก็บน้ำแล้วซึ่งคิดเป็นกว่า 129% ซึ่งสูดที่สุดตั้งแต่การสร้างเขื่อนในปี 2521 ดั้งนั้นบริมาณน้ำที่ถูกปล่อยเพิ่มออกมากว่า 19 ล้านลูกบาตรเมตรต่อวัน นี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของพื้นที่น้ำท่วมในภาคอีสาน

ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม 2565 ของปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาพแรกคือภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมจะเห็นได้ว่ามีปริมาณมวลน้ำในภาพน้อยกว่า ภาพที่สองที่ถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงหลังจากพนังกั้นน้ำชีขาดจากทั้ง 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกัน

©European Union,contains modified Copernicus Sentinel data 2022, processed with EO Brower

ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมในภาคอีสาน

งบประมาณความเสียหายจากการช่วยเหลือเยียวยาภัยพิบัติ แล้ง-ท่วม 15 ปี ของประเทศไทย (2551 – 2565)

น้ำท่วมได้กลายเป็นปัญหาประจำปีของภูมิภาคอีสานไปแล้ว หากเราลองย้อนกลับไปดูความเสียหายจากภัยพิบัติน้ำแล้งและน้ำท่วม กว่า 15 ปีที่ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทำเอาวไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 - 2565 จะเห็นได้ว่าในบางปีมีความเสียหายกว่า 6 แสนล้านบาท

มหาสารคามหนึ่งในพื้นที่ความเสียหายจากน้ำท่วม

ในปี 2565 จังหวัดมหาสารคามได้กลายมาเป็นหนึ่งในพื้นที่ๆ ได้รับความเสียหายมากที่สุดในภูมิภาคอีสาน ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย ในจังหวัดมหาสารคาม หนึ่งใน 46 ตำบลของจังหวัดมหาสารคามที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2565 และยังเป็นหนึ่งในตำบลที่อยู่ในบริเวณ “พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก” หรือพื้นที่ๆ มีน้ำท่วมในทุกๆ ปี เป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี และข้อมูลจากการสำรวจของสำนักการมีส่วนร่วมสาธารณะของไทยบีพีเอส ที่ได้สำรวจความเสียหายของผู้คนในตำบลท่าขอนยาง ทำให้ได้พบว่า

ตำบลท่าขอนยาง

ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย ในจังหวัดมหาสารคาม หนึ่งใน 46 ตำบลของจังหวัดมหาสารคามที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2565 และยังเป็นหนึ่งในตำบลที่อยู่ในบริเวณ “พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก” หรือพื้นที่ๆ มีน้ำท่วมในทุกๆ ปี เป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี และข้อมูลจากการสำรวจของสำนักการมีส่วนร่วมสาธารณะของไทยบีพีเอส ที่ได้สำรวจความเสียหายของผู้คนในตำบลท่าขอนยาง ทำให้ได้พบว่า

ผู้คนที่ได้รับ
ความเสียหาย

จากผู้คนในตำบลท่าขอนยางทั้งหมด 50 ครัวเรือน และผู้คนกว่า 196 คน โดยแต่ละครัวเรือนมีสมาชิกโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 4 คนต่อครัวเรือน โดยจาก 196 คนพบว่ากว่า 62.24 % เป็นคนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว และ 22.96 % เป็นคนสูงอายุ และ 13.1% เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และ 1.53% เป็นผู้ป่วยติดเตียง

อาชีพของผู้ได้รับความเสียหาย

นอกจากนั้นแล้วเรายังพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ 3 อันดับแรกในตำบลท่าขอนยางที่ตอบแบบสอบถามมีอาชีพเกษตรกรกว่า 31.4% รองลงมาคือรับจ้างทั่วไป 24.3% และอาชีพค้าขายกว่า 18.6% ซึ่งหากมองตามบริบทของตำบลที่บริเวณน้ำท่วมซ้ำซากมักจะเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่การเกษตรดังนั้นอาจจะอนุมาลได้ว่าคนที่ทำอาชีพเกษตรกรที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในพื้นที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วยเช่น โดยผู้คนที่ทำแบบสอบถามครั้งนี้มีพื้นที่ทางการเกษตรรวมกันทั้งหมด 256.5 ไร่


นอกเหนือไปจากนั้นแล้วเรายังได้พบข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของคนในพื้นที่ โดยพบว่าจากคนที่ตอบแบบสอบถามได้ระบุว่าที่บ้านพวกเขามีผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ด้วยกว่า 46 คน และเด็กกว่า 28 คน อีกทั้งยังมีอีกกว่า 3 คนเป็นผู้ป่วยติดเตียง

สิ่งที่เสียหาย

จากแบบสอบถามทำให้เราได้พบว่า ชาวบ้านกว่า 66% เห็นว่าความเสียหายที่สำคัญที่สุดคือบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย และรองลงมาคือเรื่องพีชผลทางการเกษตร และด้านอาชีพ ซึ่งหามากจากแผนที่ก็จะเห็นได้ว่าบริเวณที่เป็นน้ำท่วมซ้ำซากและน้ำท่วมในปัจจุบันของตำบลท่าขอนยางส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในบริเวณที่เป็นยพื้นที่ไร่น่า
นอกจากนั้นแล้วหากมองลงไปในรายละเอียดจะพบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่มักจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ขนย้ายได้ลำบากโดย 3 อันดับแรกของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายคือ ตู้เย็น, เครื่องสักผ้า และพัดลม

เครื่องใช้ไฟฟ้า
ที่เสียหาย

และสำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ในบ้านก็จะสอดคล้องกับความเสียหายของเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเช่น 3 อันดับของเครื่องเรือนที่ได้รับความเสียหายคือ ตู้ไม้, ประตูบ้าน และเฟอร์นิเจอร์

ความช่วยเหลือ
ที่ต้องการ

สำหรับเรื่องลำดับความสำคัญของการเยียวยาผู้ที่ตอบแบบสอบถามได้ระบุบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดและต้องการที่จะได้รับการเยียวยาอย่างเร่งด่วนคือการซ่อมแซมหรือจัดหาเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 56.4% บอกว่าเรื่องนี้คือเรื่องสำคัญที่สุด

และเรื่องที่รองลงมาคือการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมโดยคิดเป็นกว่า 30.8% ของผู้ตอบแบบสอบถาม และตามมาด้วยการชดเชยผลผลิตทางการเกษตรและยานพาหนะที่เสียหาย

C-SITE REPORT

หนึ่งในปัญหาที่ทางไทยพีบีเอส พบในระหว่างการสำรวจพื้นที่ความเสียหายจากน้ำท่วมในภาคอีสาน คือปัญหาหาเรื่องการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและสำหรับเรื่องการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารนี้ทางไทยพีบีเอสได้มีทางออกสำหรับให้ประชาชนช่วยรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่เอง ที่เรียกว่า C-SITE REPORT โดยเป็นหนึ่งในเครื่องมีที่ช่วยให้สามารถติดตามได้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมถึงยังบริเวณไหนแล้วบ้าง

จากข้อมูลที่ได้ถูกไล่เรียงมาข้างต้น คงจะพอสามารถทำให้เราได้เข้าใจถึงสภาพปัญหาอุทกภัยหรือปัญหาของน้ำท่วมในภาคอีสาน บริบทของสภาพลุ่มน้ำในพื้นที่ และตัวอย่างความเสียหายจากพื้นที่ๆ ถูกน้ำท่วม ซึ่งจะทำให้เห็นได้ว่าในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ และยังต้องการทางออกใหม่ๆ อยู่เสนอ

ทางไทยพีบีเอสจึงอยากจะเชิญชวนทุกๆ คนมาร่วมเสนอทางออกหรือไอเดียสำหรับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ โดยท่านสามารถเสนอแผนจัดการและรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม - น้ำแล้ง ในลุ่มน้ำอีสานได้ด้านล่างนี้

ทางออกของภาคประชาชนสำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในภาคอีสาน